วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2553

ประโยชน์จากความว่าง


"ความว่าง" กับ "ความเต็ม"

ถ้ามีกระดาษที่ระบายสีดำจนเต็มหน้า เราจะรู้ได้ทันทีว่า มีสีำดำเต็มทั้งหน้า แต่ถ้าเราระบายสีขาวบนหน้ากระดาษดำล่ะ เราจะเรียกได้ไหมว่ามันเต็มเช่นกัน

ทุกสิ่งไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามล้วนได้รับประโยชน์จากความว่าง เราใช้ประโยชน์จากความว่างมากยิ่งกว่าความเต็มหรือความมีอะไรเสียอีก เพียงแต่ว่าคนเรามักไปสนใจรายละเอียดภายในความว่างนั้น มากกว่าตัวความว่างที่อำนวยประโยชน์ให้ ความว่างในรูปของวัตถุแสดงตนออกมาเป็นเนื้อที่(space) อย่างเช่น ล้อลมยาง ถ้าไม่มีความว่างภายใน จะใส่ลมหรืออากาศเข้าไปได้หรือ? ภาชนะต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแก้ว ถ้วยชาม ถ้าไม่มีความว่างภายใน เราจะใส่อาหารหรือน้ำเข้าไปได้หรือ? อาคารบ้านเรือนไม่มีที่ว่างภายในแล้วเราจะอาศัยอยู่ได้หรือ?
ความว่างในรูปของเสียงเป็นความเงียบสงบ เพื่อให้เสียงต่าง ๆ เปล่งออกมาให้ได้ยิน เป็นจังหวะจะโคน
เช่นกัน
ตัวอักษรในประโยค ถ้าไม่มีช่องไฟ ก็จะอยู่ชิดติดกันอ่านไม่ออกเป็นแน่

ฉะนั้น ไม่ว่า่จะเป็นอะไรก็ล้วนอาศัยประโยชน์จากความว่าง และความเต็มหรือความมีอะไรทั้งสิ้น อย่างเช่น ในภาพวาดศิลปะจีน หรือภาพวาดเซนนั้น จะเห็นว่าเหลือเนื้่อที่ว่างไว้มากมาย เพราะความว่างนั้นทำให้เกิดคุณค่าของภาพนั้น รวมกับภาพในจิตใจผู้วาด และผู้ชมผสมผสานกัน ขึ้นอยู่กับจิตภายในของแต่ละคน
อย่างดนตรีถ้าไม่มีช่วงจังหวะ ไม่มีเสียงที่ไร้เสียง หรือช่วงจังหวะว่าง ๆ แล้ว เพลงก็จะไม่สมบูรณ์ เราคงได้ยินแต่เสียงดนตรีที่ดังตลอดไม่มีจบ จนรำคาญโสตประสาทหูเราเป็นแน่
อย่างหมากล้อมก็อย่างที่อธิบายไปในคอมเม้นท์นั้นแล้ว ดังนั้นไม่ว่าอะไร เราก็ต้องล้วนอาศัยความว่าง ถ้าจักรวาลไร้ความว่างก็จะไม่สามารถมีอะไรอยู่ภายในจักรวาลนั้นได้ เราทั้งหมดจึงไม่สามารถอาศัยอยู่ภายในโลกนี้ จักรวาลนี้ได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าเรื่องราวใด ๆ ก็อาศัยความว่างก่อเกิดมาทั้งสิ้น ฉะนั้นจะหาผู้่ที่เข้าใจ และใช้ประโยชน์จากความว่างได้อย่างแท้จริงนั้นมีน้อยเต็มที

ถ้ายิ่งเป็นเรื่องจิตแล้วยิ่งสลับซับซ้อนมากขึ้นไปอีก เพราะจากวัตถุ สสาร ที่จับต้องได้ หรือไม่ได้แต่มีจริงให้รับรู้ จนมาถึงเรื่องจิตด้วยแล้ว ก็เพิ่มความซับซ้อนมากขึ้น ถ้าจิตไม่มีความว่าง มนุษย์เราก็จะเกิดความทุกข์ตลอดเวลา ไม่มีว่างเว้น แม้แต่้อารมณ์ดีใจก็ตาม อย่างในการแพทย์จีน ถ้าดีใจมากเกินไป จะทำให้เกิดผลกระทบต่อการทำงานของหัวใจ ทำให้ทำงานมากเกินไป จนเกิดไฟโหมมากขึ้น ถ้าเป็นนานต่อเนื่อง ก็จะกลายเป็นโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และือื่น ๆ ตามมาอีกเป็นขบวน

จึงเห็นได้ว่าถ้าอยู่ในความสมดุล ก่อให้เกิดพลัง สร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ได้ จึงจำเป็นต้องมีสองสิ่งในธรรมชาติมาเป็นคู่เสมอ ถึงจะทำให้เกิดการทำงานขึ้นมาได้ แต่ทั้งหมดก็ล้วนต้องอาศัยอยู่ในความว่างทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นอากาศ สูญญากาศ หรือ ทางจิต สุญญตา ก็ตาม

ดังนั้นสรรพสิ่งเมื่อมีการทำงาน ก็ต้องมีการพักผ่อน เพื่อน ๆ ที่อ่านคอมเม้นท์นี้แล้ว ดูแลตัวเอง รักษาสุขภาพ รวมถึงความสัมพันธ์กับผู้คน จะได้ใช้ชีวิตอย่างไร้กังวล และราบรื่นยาวนานนะครับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น